การเดินทางของดนตรี Gypsy Jazz

การเดินทางของดนตรี Gypsy Jazz

กว่าจะเป็น Gypsy Jazz ดนตรีแห่งการเดินทางที่รวมวัฒนธรรมท้องถิ่นหลายแห่งเข้าด้วยกัน !!!

นักดนตรี Gypsy

ในปารีสในช่วงทศวรรษที่ 1920 นักดนตรีใน Hall สำหรับเต้นรำหลายคนเป็นชาว Gypsy พวกเขาเดินทางไปทั่วยุโรปตอนกลางเกือบทั้งหมดโดยปราศจากความจงรักภักดีต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง บางคนยังคงเร่ร่อน และบางคนตั้งรกรากอยู่ทั่วไป เพื่อหางานทำและเลี้ยงชีพ พวกได้รับอิทธิพลทางดนตรีมากมายจากการเดินทาง และผสมผสานดนตรีจากท้องถิ่นต่าง ๆ ที่พบเจอมาเข้าด้วยกัน รูปแบบดนตรีก็จะประกอบไปด้วยเครื่องสาย และเครื่องเป่า ซึ่งอิทธิพลทางดนตรีนั้นก็จะได้รับมาจากรัสเซีย อิตาลี เบลเยียม สเปน ตะวันออกกลาง และบอลข่าน เป็นต้น

Jean Baptiste “Django” Reinhardt (ค.ศ. 1910–1953)

Jazz Manouche หรือ Gypsy Jazz เริ่มต้นจากมือกีตาร์ชาว Gypsy เร่ร่อนระหว่างเบลเยียม และฝรั่งเศสในปลายทศวรรษที่ 1920 ซึ่งตอนนั้นมีการจ้างวงดนตรีในสไตล์ Auverge เป็นจำนวนมาก ซึ่งนักดนตรีหนึ่งในนั้นก็คือ Django Reinhardt Django Reinhardt เกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2453 ที่ Liberchies Belgium ในค่าย Gypsy เมื่ออายุได้ 8 ขวบ ชนเผ่า Manouche ของแม่ของเขาตั้งรกรากใกล้กับป้อมปราการที่ล้อมรอบกรุงปารีส ใกล้กับประตู Choisy Manouches ในตอนนั้นไม่ได้สนใจเกี่ยวกับโลกภายนอกสักเท่าไหร่นัก เพราะช่วงยุคกลางเป็นช่วงแห่งความเชื่อ และไม่ไว้วางใจในวิทยาศาสตร์สมัยใหม่สักเท่าไหร่ ซึ่ง Django ได้เติบโตขึ้นมาในโลกแห่งความขัดแย้ง โดยเท้าข้างหนึ่งในโลกในเมืองของปารีส และอีกข้างหนึ่งในชีวิตยุคกลางของพวก Gypsy เร่ร่อน วัฒนธรรมดนตรีที่อยู่ล้อมรอบชุมชน Gypsy นั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เมื่อ Django อายุได้ 12 ขวบ ก็ได้รับกีตาร์แบนโจจากเพื่อนบ้านที่สังเกตเห็นความสนใจในดนตรีของเขา ซึ่งเขาเรียนรู้ที่จะเล่นอย่างรวดเร็ว ก่อนอายุได้ 13 ปี เขาได้เริ่มอาชีพนักดนตรีด้วยการเล่นกับ Guerino นัก Accordion ที่มีฝีมือในตอนนั้นที่ Hall สำหรับเต้นรำบนถนน Rue Monge แถมยังได้เล่นร่วมกับนักดนตรีอีกหลายวง และได้ทำการบันทึกเสียงครั้งแรกกับนัก Accordion ที่มีชื่อว่า Jean Vaissade อีกด้วย เนื่องจาก Django ไม่สามารถอ่านหรือเขียนชื่อของเขาได้ ในเครดิตการบันทึกเสียงจึงถูกให้เครดิตโดยสะกดผิดว่า “Jiango Renard” ในบันทึกครั้งนี้

เหตุการณ์ไฟไหม้ The caravan fire

Django แต่งงานกับ Naguine สมาชิกเผ่า Manouche อีกคน และอาศัยอยู่ด้วยกัน ซึ่งในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 ในเวลาตีหนึ่ง Django กลับมาที่กองคาราวานจากการเล่นดนตรีในคืนที่คลับใหม่ “La Java” ในตอนนั้น Naguine กำลังตั้งท้องลูกคนแรก และนอนหลับอยู่ข้างใน โดยคืนนั้นในที่พักเต็มไปด้วยดอกไม้เซลลูลอยด์ที่ภรรยาของเขาทำขึ้นเพื่อขายที่ตลาด แต่ดอกไม้เซลลูลอยด์นั้นติดไฟได้ง่ายมาก เมื่อโดนไฟจากเทียนก็เลยทำให้เกิดไฟไหมขึ้น Django ได้ห่มตัวเองด้วยผ้าห่มเพื่อป้องกันไฟเพื่อพาตัวของเขาและภรรยาหนีไฟออกมา แต่มือซ้าย และข้างขวาตั้งแต่เข่าถึงเอวกลับถูกไฟคลอกอย่างหนัก มือที่เขาถูกไฟไหม้อย่างรุนแรงจนเขาใช้เพียงนิ้วชี้ และนิ้วกลางของเขาเท่านั้น ในตอนนั้น Django ต้องใช้เวลาพักฟื้นถึง 18 เดือน แต่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างสูง Django ก็ได้คิดวิธีการใช้สองนิ้วที่ทำงานบนมือซ้ายของเขาขึ้นมาใหม่ นิ้วที่ได้รับผลกระทบงอไปทางฝ่ามืออย่างถาวรเนื่องจากเส้นเอ็นหดตัวจากความร้อนของไฟ เขาสามารถใช้นิ้วที่มีอยู่ในการกดสองสายแรกของกีตาร์สำหรับคอร์ด และกดคู่ 8 แต่ว่าถ้าให้กดมากกว่านั้นก็ไม่สามารถทำได้เลย

การเดินทางของดนตรี Gypsy Jazz-Django

Django และดนตรี Jazz

Django กับ Oscar Aleman ได้รับหน้าที่ในการบันทึกเสียงให้กับ Eddie Lang และ Joe Venuti, Louis Armstrong และ Duke Ellington ด้วยการตีความใหม่ของแจ๊สแบบอเมริกันและผสมผสานกับความมั่งคั่งของประเพณี Gypsy ทำให้ Django ยกระดับ ดนตรีของ Manouche ให้เป็นรูปแบบเพลงเต้นรำรูปแบบใหม่เป็น Jazz Manouche หรือ Gypsy Jazz ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในปี 1934 Django ได้พบกับนักไวโอลินคลาสสิกคนหนึ่งที่หลงใหลในผลงานของ Eddie Lange และ Joe Venuti: Stephane Grapelli ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นคนที่ Django มองหามานาน และพวกเขาก็รวมตัวกันทำวง The Quintet of the Hot Club of France ผู้เล่นตัวจริงดั้งเดิมคือ Django (กีตาร์), Stéphane (ไวโอลิน), Roger Chaput (กีตาร์ Rhythm), Louis Vola (เบส) และ Joseph น้องชายของ Django (กีตาร์ Rhythm) โดยได้มีผลงานคือ ‘Dinah’, ‘Tiger Rag’, ‘Oh Lady be Good’, ‘I Saw Stars’ และผลงานอื่นๆอีกมากมาย วงดนตรี Gypsy Jazz นั้น โดยทั่วไปประกอบด้วย กีตาร์ Lead, ไวโอลิน กีตาร์ Rhythm สองตัวและเบส กีตาร์ Rhythm จะให้จังหวะเพอร์คัชชันที่เรียกว่าลาปอมเป ซึ่งเมื่อรวมกับไลน์เบสที่ฟังรวมกันแล้ว ทำให้รู้สึกแน่นหนา และจะทำให้ส่วนเพอร์คัชชันซ้ำซ้อนไปอีกด้วย กีตาร์ Rhythm ตัวที่ 2 ในช่วงต้นทศวรรษ 1930 เนื่องจากไม่มีเครื่องขยายสัญญาณและห้องเต้นรำก็ใหญ่และมีเสียงดัง การใช้กีตาร์ Selmer ที่ออกแบบโดย Mario Maccaferri ทำให้สามารถสร้างพลังเสียงที่เอาอยู่ในห้องโถง กีตาร์โซโล่ก็ยังเป็นดีไซน์ของ Maccaferri สงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้นในปี พ.ศ. 2482 ขณะที่คณะเดินทางท่องเที่ยวในอังกฤษ Django กลับไปปารีสในขณะที่ Stéphane ยังคงอยู่ในอังกฤษ Django เล่นและบันทึกเสียงตลอดช่วงสงคราม โดยหลังสงครามเขากลับไปรวมวงกับ Stéphane เพื่อเล่นและบันทึกอีกครั้ง และยังได้ไปทัวร์กับ เขาไปเที่ยวกับ Duke Ellington ในอเมริกาเป็นเวลาสั้นๆ และกลับไปปารีส ซึ่งเขาทำงานต่อไปจนถึงปี 1951 และได้เกษียณในหมู่บ้านเล็กๆ ของซามัว ซูร์ แซน เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 จังโก้ได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะพูดคุยกับเพื่อนๆ ที่ร้านกาแฟในท้องถิ่น เขาเสียชีวิต และเสียชีวิตลง