JBL Endurance Dive Yellow

หูฟัง In-Ear แบบ Wireless สำหรับว่ายน้ำ สามารถควบคุมผ่านระบบสัมผัสได้ ทั้งยังกันน้ำกันเหงื่อมาตรฐาน IPX7 แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง

3,990 บาท

ขณะนี้สินค้าหมดชั่วคราว

ติดต่อฝ่ายขาย

รายละเอียดเพิ่มเติม

สำหรับหูฟังไร้สายในปัจจุบันนี้นั้นต้องยอมรับว่ามีการพัฒนาไปไกลมาก โดยแบ่งออกเป็นหูฟังตามจุดประสงค์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะหูฟังที่ได้รับการตอบรับมากที่สุดและมียอดขายสูงอยู่ตลอดนั่นก็คือหูฟังสำหรับการเล่นกีฬาและออกกำลังกาย สำหรับ JBL ที่มีหูฟังไร้สายสำหรับการออกกำลังกายรุ่นยอดฮิตอยู่แล้วก็ได้ปล่อยหูฟังรุ่นใหม่สำหรับการออกกำลังกายออกมา โดยในครั้งนี้มีออกมาทีเดียวถึง 3 รุ่นในซีรีส์ JBL Endurance ได้แก่ หูฟังไร้สาย JBL Endurance Sprint, Jump & Dive โดยในแต่ละรุ่นก็มีความสามารถที่แตกต่างกันตามประเภทของการออกกำลังกายและที่สำคัญคือราคาที่แตกต่างกันด้วย

Features
– Rechargable battery
– In-ear
– Speed charge
– Bulit-in Microphone
– Water Proof
– Wireless
– Hands Free Call
– Touch Control
– Secure Fit
– Powerhook
– Carrying pouch
– Twistlock
– Siri/ Google Now
– Built in MP3 Player

การเล่นแบบไร้สาย 8 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ Speed Charge

Bluetoothไร้สายช่วยให้คุณสตรีมเพลงคุณภาพสูงผ่านเต็ม 8 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลว่าสายไฟยุ่งจะรบกวนการออกกำลังกายของคุณ ในเวลาเพียง 10 นาทีคุณสามารถเพิ่มพลังให้หูฟังเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง

เครื่องเล่น MP3 ในตัว

ด้วยหน่วยความจำ 1GB ในตัวคุณสามารถจัดเก็บและเข้าถึงแทร็กเพลงมากกว่า 200 เพลงได้โดยตรงจากหูฟังของคุณ

PowerHook

การออกแบบที่เกี่ยวหูแบบกระชับพอดีซึ่งเปิด / ปิดเครื่องโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดหรือปิดหูฟัง

JBL Endurance Sprint, Jump หูฟังสำหรับการวิ่งและการกระโดด

ในส่วนของ JBL Endurance Sprint หรือหูฟังที่เหมาะกับการวิ่งตามชื่อรุ่น มาพร้อมกับฟังก์ชั่นและการออกแบบให้เหมาะกับการวิ่งที่ปกติหูฟังออกกำลังกายมักจะมากับความสามารถทั่วๆไป แต่ไม่ตอบโจทย์ได้อย่างเต็มที่มากนัก โดยสำหรับ JBL Endurance Sprint นั้นมาพร้อมกับการออกแบบที่เรียกว่า MagHook ที่จะคล้องกับใบหูได้อย่างพอดีและช่วยกระชับกับใบหู ไม่ว่าจะขยับไปทิศทางใด หรือด้วยความรุนแรงมากแค่ไหนก็ไม่ขยับหรือหลุดออกจากใบหู ควบคุมหูฟังได้ด้วยระบบสัมผัสที่ตัวหูฟังได้โดยตรง ยึดแน่นกับรูหูด้วยจุกหูฟังซิลิโคนแบบ FlexSof ที่สวมใส่ได้แน่นและฟิตพอดีกับหูและ TwistLockTM ที่จะช่วยให้ตัวหูฟังอยู่แน่นกับหูไม่หลุดง่ายๆ อย่างแน่นอน เชื่อมต่อไร้สายและยังกันน้ำกันเหงื่อด้วยมาตรฐานกันน้ำ IPX7 และใช้งานได้ยาวนานสำหรับผู้ที่วิ่งติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 8 ชั่วโมง และยังมาพร้อมระบบชาร์จไวเพียง 10 นาทีใช้งานได้ถึง 1 ชั่วโมง และสำหรับรุ่น JBL Endurance Jump มาพร้อมกับฟังก์ชั่นเช่นเดียวกับในรุ่น Sprint ส่วนที่แตกต่างนั่นก็คือส่วนของการออกแบบที่ออกแบบมาให้ยึดติดกับใบหูและส่วนที่ล็อคตรงช่วงคอสำหรับกิจกรรมที่เน้นการกระโดดที่ไม่ว่าจะกระโดดแรงสักแค่ไหนหูฟังก็ไม่ขยับหรือหลุด เคลื่อนออกจากใบหูที่เรียกว่า PowerHoo

หูฟังสำหรับการดำน้ำและว่ายน้ำ JBL Endurance Dive

และสำหรับในรุ่นท๊อปของซีรีส์อย่าง JBL Endurance Dive นั้นก็มาพร้อมการออกแบบ รูปทรง วัสดุ ฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เหมือนกับในรุ่น JBL Endurance Jump ทุกอย่าง โดยส่วนที่ต่างออกไปนั้นก็คือในรุ่น Dive นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องเล่น MP3 ภายในตัวให้คุณสามารถพกพาเพลงที่ชอบ จังหวะที่ช่วยกระตุ้นการออกกำลังกายเพื่อให้สามารถเล่นกีฬารวมไปถึงออกกำลังกายได้อย่างสนุกขึ้น โดยมาพร้อมเมมโมรี่ภายในตัวถึง 1 Gb รองรับไฟล์เพลง Digital แทบทุกชนิดอีกด้วย

8 hours of wireless playback with Speed Charge battery

Bluetooth wireless allows you to stream high quality music through a full 8 hours without the worry of messy wires interfering with your workout. In just 10 minutes, you can power your headphones for an hour of use.

Built-in MP3 Player

Thanks to the on-board 1GB memory, you can easily store and access more than 200 music tracks directly from your headphones.

PowerHook

Secure fit ear hook design, which automatically turns the power on/off when putting on or taking off the earphones

ข้อมูลเพิ่มเติม

น้ำหนัก 0.2722 กก.
Brand

JBL

Installment

No

รีวิว

มาดูความแตกต่าง ระบบเสียง Dolby Atmos & DTS : X

คอหนังตัวจริง คงต้องรู้จัก เทคโนโลยีเสียงรอบทิศทางกันเป็นอย่างดี กับ 2 ระบบเสียงชื่อดังอย่าง Dolby Atmos และ DTS:X ที่เป็นคู่แข่งกันมาอย่างยาวนาน ทั้งระบบเสียงในโรงภาพยนตร์ ระบบโฮมเทียเตอร์ที่บ้าน และไอเทมดูหนังตัวฮิตอย่าง Sound Bar ก็เริ่มมีการใช้ระบบ Dolby Atmos และ DTS:X แล้วด้วย

Bluetooth VS WiFi คุณภาพเสียงแบบไหนดีกว่ากัน?

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงสงสัยว่า ถ้าเราฟังเพลงจาก Bluetooth หรือ WiFi แบบไหนจะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่ากัน เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นระบบไร้สาย ไม่น่าจะต่างอะไรกันมากรึเปล่า? ดังนั้นวันนี้เราจะมาค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน

บทความ