หูฟัง Full Size แบบไหน ที่เหมาะกับมือมิกส์อย่างคุณ? 

ในปัจจุบันหลายๆคนเลือกที่จะทำเพลง และมิกซ์เพลงที่บ้าน เพราะดวกความสะดวกในการทำงานไม่ว่าในเรื่องของการเดินทาง และสถานที่ แต่ก็จะมีข้อจำกัดอยู่บ้างในเรื่องของอคูสติกห้องที่ไม่เหมาะสมกับการใช้ลำโพงเพื่อมิกซ์เพลง เนื่องจากอาจจะทำให้ได้ยินเสียงที่ผิดเพี้ยนจากการที่มีเสียงก้องมากเกินไป และทำให้งานมิกซ์เสียได้

การใช้หูฟังเพื่อมิกซ์เพลงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อคูสติกห้องไม่เหมาะกับการมิกซ์เพลง และยังช่วยให้สามารถได้ยินรายละเอียดของเพลงได้ชัดเจนขึ้น จึงทำให้สามารถมิกซ์เสียงได้อย่างราบลื่นโดยไม่ต้องกังวลเสียงก้อง หรือการได้ยินที่ผิดเพี้ยน

โดยหูฟังสำหรับมิกซ์เสียงนั้นจะเป็นหูฟังประเภท Headphone แบบ Full Size หรือ แบบ Over Ear ซึ่งก็จะแบ่งเป็น 3 ลักษณะทางการภาพของหูฟังคือ 

  • 1.Open Back 
  • 2.Closed Back
  • 3.Semi-Open

ลักษณะและความแตกต่างในการใช้งาน Headphone แต่ละแบบ

หูฟัง Full Size แบบ Open Back

หูฟัง Full Size แบบ Open Back เป็นหูฟังที่จะมีลักษณะของการเปิดฝาด้านข้างของหูฟังออกดังรูปตัวอย่าง ซึ่งก็อาจจะมีวัสดุที่คล้ายตะแกรงมาครอบไว้อีกทีเพื่อป้องกันตัว Driver ไม่ให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งทำให้สามารถได้ยินเสียงจากภายนอกได้ ลักษณ์การฟังจะค่อนข้างผ่อนคลายหูไม่รู้สึกอื้ออึง เพราะย่านเสียงเบสมีการกระจายที่ดี

ในส่วนของการฟังเสียงจะค่อนข้างมีความเที่ยงตรงมากๆ เพราะตัวหูฟังเป็นแบบเปิดทำให้เสียงไม่เกิดการสะท้อนในหูฟัง และเสียงเบสมีการกระจายที่ดี จึงทำให้การได้ยินเสียงจากหูฟังไม่มีความผิดเพี้ยน

ความเหมาะสมในการใช้งาน หูฟังประเภทนี้เหมาะสำหรับการใช้มิกเพลงอย่างมาก เพราะหูฟังจะมีการตอบสนองความถี่ที่ค่อนข้างเที่ยงตรง จึงทำให้สามารถมิกซ์เพลงออกมาได้ตรงใจของมือมิกซ์ที่สุด “ข้อดี” คือหูฟังมีการตอบสนองความถี่ที่เที่ยงตรงที่สุด ส่วน “ข้อเสีย” คืออาจจะไม่เหมาะกับการใช้มิกซ์ในห้องที่มีเสียงรบกวนจากภายนอกเพราะอาจจะรบกวนการมิกซ.์ของคุณได้ และอาจจะไม่เหมาะกับการใช้บันทึกเสียงเพราะเสียงจากหูฟังอาจจะรั่วเข้าไมค์ได้

หูฟัง Full Size แบบ Closed Back

หูฟัง Full Size แบบ Closed Back เป็นหูฟังที่มีลักษณะแบบปิดครอบใบหูของเรา คือตัวหูฟังจะปิดด้วยวัสดุของแข็งที่ทางผู้ผลิตออกแบบมาทั้งหมด ซึ่งมีข้อดีคือช่วยไม่ให้เสียงภายนอกรั่วเข้าไปขณะกำลังมิกซ์เสียง และป้องกันเสียงในหูฟังรั่วออกมาเข้าไมค์ขณะบันทึกเสียงด้วยไมโครโฟน

ในเรื่องของเสียงด้วยความที่หูฟังเป็นแบบปิดจึงส่งผลต่อย่านเสียงเบสที่ค่อนข้างมีมวลกว่าแบบ Open Back ซึ่งถ้าเปรียบเทียบง่ายๆก็เหมือนกับตอนที่เราเปิดเพลงในห้องกับสถานที่เปิด ซึ่งห้องปิดเราจะได้ยินเสียงย่านเบสที่มีมวลกว่าสถานที่เปิดเนื่องจากสถานที่เปิดนั้นเสียงได้มีการกระจายออกไปจึงทำให้ความถี่เสียงย่านเบส หรือย่านอื่นๆไม่เกิดการสะท้อนกลับมา และทำให้ความถี่เบสเกิดการเสริมจนมีมวลมากขึ้นได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบหูฟัง และตัว Driver จากทางผู้ผลิดด้วยเช่นกัน

หูฟังลักษณะนี้เหมาะสำหรับนักดนตรี หรือคนทำเพลงที่ต้องบันทึกเสียงด้วยไมค์ หรือแม้กระทั่งมือมิกซ์เสียงงาน Live Sound ที่ต้องใช้หูฟังเชคบาลานซ์คร่าวๆ หรือใช้มิกซ์เสียงเลยก็ควรเลือกหูฟังแบบนี้ไว้ใช้งานเพื่อไม่ให้เสียงจากสภาพแวดล้อมรบกวนขณะที่มิกซ์เสียง “ข้อดี” คือ ป้องกันเสียงจากภายนอก และเสียงรั่วออกมาจากหูฟังไปเข้าไมค์ขณะบันทึกเสียง ส่วน “ข้อเสีย” จากหูฟังแบบนี้คือ หากสวมใส่นานๆอาจจะทำให้หูล้า
ได้ ซึ่งอาจจะต้องแบ่งเวลาเพื่อการพักหูด้วย

 

หูฟัง Full Size แบบ Semi-Open

หูฟัง Full Size แบบ Semi-Open ถ้าแปลตรงตัวคือ กึ่งปิดกึ่งเปิด ซึ่งเป็นการผสมระหว่างหูฟังแบบ Open Back และ Closed Back เข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นการรวมข้อดีของหูฟังแบบทั้ง 2 ประเภทเข้าด้วยกัน คือ การตอบสนองความถี่ที่เที่ยงตรง และลดเสียงรบกวนจากภายนอกลง แต่ก็ไม่ได้ลดเสียงรบกวนได้มากเท่ากับหูฟังแบบ Closed Back

ความเหมาะสมในการใช้งานจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการหูฟังมิกซ์เสียงที่ต้องการความแม่นยำ และช่วยลดเสียงรบกวนภายนอกได้ แต่จะมีข้อจำกัดคืออาจจะไม่สามารถใช้บันทึกเสียงที่ใช้ไมค์คอนเดนเซอร์ได้ เพราะว่าหูฟังแบบนี้ยังมีเสียงรั่วออกมาประมานหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้เสียงรั่วเข้าไมค์ได้

สำหรับใครที่กำลังมองหาหูฟังสำหรับมิกซ์เพลงอยู่นั้น ProPlugin ขอแนะนำว่าให้ดูความเหมาะสม และสถานการณ์การใช้งานก่อนที่จะเลือกซื้อ หรือเลือกใช้นะครับ

 

ใส่ความเห็น